“ลูกไม่ยอมกินข้าว” แก้ไม่ยาก หากพ่อแม่ “สังเกตให้เป็น” - Maxbiocare Thailand
“ลูกไม่ยอมกินข้าว” แก้ไม่ยาก หากพ่อแม่ “สังเกตให้เป็น”
16 ตุลาคม 2019

ลูกไม่ยอมกินข้าว คงเป็นปัญหาที่พ่อแม่หลายคนเคยเจอ ทำเอากลุ้มใจว่าลูกอาจจะได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วนและไม่เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน แล้วจะส่งผลให้ลูกเป็นคนอ่อนแอเมื่อตอนโต อาการเช่นนี้พบได้ทั่วไปในการเจริญเติบโตของทารกและเด็กเล็ก พ่อแม่อย่างเราๆ จึงต้องรู้จัดสังเกตเรื่องการกินของลูกอยู่เสมอ เพราะธรรมชาติของเด็ก เด็กไม่ได้กินอาหารมากได้ดีทุกวัน ดังนั้น เด็กไม่จำเป็นที่จะต้องทานอาหารหมดเกลี้ยงทุกวัน แต่ถ้าเมื่อเด็กกินน้อยลงหลายๆ วันติดกันก็ถือว่าไม่ปกติแล้ว 


ทำไมลูกถึงไม่ยอมกินข้าวหละ ?



ปัญหาลูกไม่ยอมกินข้าว สามารถเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น การเลือกกิน โรคกลัวอาหาร ปัญหาสุขภาพที่ส่งผลต่อการกิน และสาเหตุอื่น ๆ ดังนี้ต่อไป


การเลือกกินอาหาร เด็กมักมีปัญหาในการเลือกรับประทานอาหารบางอย่าง เพราะไม่ชอบเนื้อสัมผัส รสชาติ หรือกลิ่นของอาหารนั้นๆ พ่อแม่จึงควรสังเกตพฤติกรรมการเลือกกินของลูก เพื่อดูว่าเด็กเลือกกินและไม่กินอาหารอะไรบ้าง อย่างไรก็ตาม เด็กที่เลือกกินอาหารอาจไม่ได้มีน้ำหนักตัวต่ำกว่ามาตรฐานหรือสุขภาพไม่ดี เนื่องจากเด็กบางคนก็ได้รับจำนวนแคลอรี่ และสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายแม้จะชอบเลือกกินก็ตาม


อาการแพ้อาหาร เด็กเล็กมักเกิดการแพ้อาหารได้มากถึงร้อยละ 8 ซึ่งจะเกิดขึ้นทันที ส่วนใหญ่แล้ว เด็กมักแพ้นม ถั่วเหลือง ไข่ ข้าวสาลี ถั่วต่าง ๆ และอาหารทะเล โดยจะมีอาการท้องร่วง อาเจียน มีผื่นขึ้น หรือปวดท้อง นอกจากนี้ เด็กเล็กยังเกิดภาวะที่ร่างกายรับอาหารบางอย่างไม่ได้ (Food Intolerance) ซึ่งจะต่างจากอาการแพ้อาหารทั่วไป เนื่องจากภาวะนี้เกิดจากระบบย่อยอาหาร ไม่ได้เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย เด็กที่เกิดการแพ้อาหาร Food Intolerance มักแพ้แลคโทส ข้าวโพด หรือกลูเตน โดยจะเกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร ท้องอืด ท้องร่วง และปวดท้อง จะปรากฏอาการช้าหลังรับประทานอาหารที่แพ้เข้าไป แต่อาจเกิดอาการป่วยนานหลายชั่วโมงหรือหลายวัน


ลูกเลี่ยงกินของแปลกใหม่ เด็กเล็กมักเลี่ยงกินอาหารรสชาติใหม่ๆ พ่อแม่จึงควรช่วยให้เด็กลองรสชาติใหม่ ๆ โดยให้อาหารที่มีรสชาติคล้ายกับอาหารที่เด็กคุ้นเคย เช่น ให้เด็กลองกินมันบดซึ่งมีเนื้อสัมผัสคล้ายมันหวานบด จากนั้นให้เด็กค่อย ๆ รับประทานอาหารใหม่ในปริมาณน้อย โดยป้อนให้เด็กลองกิน 3 ครั้งในแต่ละมื้อ หากเด็กไม่ยอมกิน ก็เปลี่ยนให้กินอย่างอื่นที่ชอบกินก่อน แล้วค่อยให้ลองกินในมื้อต่อๆไป


อาการกลัวอาหาร หรือโฟเบีย (Phobias) คือ อาการหวาดกลัวที่ทำให้บุคคลนั้นเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ตนรู้สึกกลัว อาการกลัวอาหาร จัดเป็นภาวะที่พบได้ทั่วไป โดยเฉพาะในเด็กที่กำลังเริ่มเข้าเรียน ซึ่งอาจเกิดขึ้นมาเองหรือเกี่ยวเนื่องกับปัญหาวิตกกังวลทั่วไป โรคกลัวอาหารมีหลายลักษณะ ไม่ว่าจะเป็นการกลัวว่าการรับประทานอาหารจะทำให้ป่วย อาหารเป็นอันตรายหรืออาจก่อให้เกิดผลเสียต่อตนเอง หรือกลัวว่าอาหารจะทำให้สำลักและติดคอ


ปัญหาสุขภาพที่ส่งผลต่อการกิน ปัญหาสุขภาพบางอย่าง อาจส่งผลให้เด็กรับประทานลำบาก โดยอาจดูด เคี้ยว หรือกัดอาหารไม่ถนัด สำลักหรือ รู้สึกพะอืดพะอมเมื่อรับประทานอาหาร หากพ่อแม่สังเกตว่าเด็กมีอาการดังกล่าว ควรพาไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาตามอาการ


ปัญหาจากสาเหตุอื่น ๆ เด็กที่มีปัญหาไม่ยอมกินข้าวอาจมีสาเหตุอื่น ๆ นอกเหนือจากที่กล่าวไปข้างต้น ไม่ว่าจะเป็น การไม่ชอบกลิ่นบางอย่างของอาหารบางชนิด การไม่ชอบรสสัมผัสของช้อนหรือส้อมเมื่อนำเข้าปากและแตะลิ้น หรือเกิดจากสิ่งเร้ารอบข้างดึงความสนใจการรับประทานอาหารของเด็ก เช่น เสียงโทรทัศน์ หรือเด็กเล่นกันในบ้าน เป็นต้น



แก้ปัญหาอย่างไรดี ถ้าลูกไม่ยอมกินข้าว ?



ปัญหาลูกไม่ยอมกินข้าว สามารถแก้ไขได้ โดยเริ่มจากพ่อแม่ ไม่ควรคิดว่า ปัญหาดังกล่าวเกิดจากการดูแลเด็กไม่ดี แต่ควรร่วมกันหาวิธีแก้ไข การแก้ปัญหาดังกล่าว ประกอบด้วยการกระตุ้นเด็ก และการสร้างสุขลักษณะการกิน ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้


           1.การกระตุ้นเด็ก


ให้ลูกกินข้าวเองและสังเกตอาการ เด็กเล็กจะใช้มือหยิบอาหาร เมื่ออายุประมาณ 9 เดือน และลองใช้ช้อนส้อม เมื่ออายุประมาณ 15-18 เดือน พ่อแม่ควรให้ลูกหัดรับประทานอาหารเอง โดยสังเกตว่าเด็กรู้สึกหิวหรืออิ่มตอนไหน และให้อาหารเพิ่มหากเด็กหิวมาก แต่ไม่ควรนำอาหารที่ให้จนเยอะเกินไปกลับคืนมา อีกทั้ง พ่อแม่ควรสังเกตอีกว่า ลูกแสดงอาการหรือพฤติกรรมเกี่ยวกับการรับประทานอาหารอย่างไรบ้าง เพื่อจะได้ให้อาหารเด็กอย่างเหมาะสม เช่น ลูกอาจวางอาหารไว้บนพื้นเมื่อรู้สึกอิ่ม


คอยกระตุ้นลูกให้รับประทานอาหารจากจานของพ่อแม่ พ่อแม่ควรให้ลูกลองรับประทานอาหารจากจานของตนเอง เนื่องจากเด็กเรียนรู้การรับประทานอาหารที่แปลกใหม่จากการชิม โดยเริ่มจากการเลียนแบบผู้ใหญ่หรือเด็กคนอื่น หากเด็กไม่ชอบอาหารที่ให้ชิมไป ไม่ควรบังคับให้กินเข้าไป แต่ให้เด็กคายออกมา แล้วค่อยให้ลองกินครั้งต่อไปแทน โดยให้ลองรับประทานในปริมาณน้อยก่อน ทั้งนี้ การให้เด็กได้เห็นอาหารแปลกใหม่แม้จะไม่ได้รับประทานเข้าไปจะช่วยให้รู้สึกคุ้นเคยได้


ไม่บังคับให้ลูกกิน และชมเมื่อลูกกินอาหาร พ่อแม่ไม่ควรบังคับให้เด็กรับประทานอาหาร หรือทำโทษเมื่อเด็กไม่กินข้าว เพราะจะทำให้เด็กรู้สึกเครียดเมื่อต้องร่วมโต๊ะอาหาร หากเด็กรับประทานหรือชิมอาหารใหม่ ๆ ได้ รวมทั้งมีพฤติกรรมการร่วมโต๊ะอาหารที่ดี พ่อแม่ควรชมเด็กทันที เพื่อให้เด็กรู้ว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นสิ่งที่เหมาะสม รวมทั้งทำให้รู้สึกว่าพ่อแม่กำลังตั้งใจดูตนเองกินหรือลองชิมอาหารอยู่ ไม่ได้มานั่งร่วมโต๊ะรับประทานอาหารเท่านั้น 



          2.การสร้างสุขลักษณะการกิน


รับประทานอาหารตรงเวลาและให้เด็กมีส่วนร่วม ควรจัดเวลาและสถานที่ในการรับประทานอาหารที่แน่นอน เช่น ให้เด็กรับประทานอาหารตรงเวลาอย่างสม่ำเสมอ หรือจัดตำแหน่งสำหรับให้เด็กนั่งร่วมโต๊ะอาหาร รวมถึงควรให้เด็กมีส่วนร่วมในการเตรียมอาหาร ทำอาหาร และชิมอาหาร ก่อนที่จะนำอาหารเหล่านั้นจัดขึ้นโต๊ะสำหรับรับประทาน


ให้เด็กกินปริมาณน้อยและไม่รีบกินอาหาร พ่อแม่ควรให้เด็กรับประทานอาหารในปริมาณที่รับได้ โดยอาจเริ่มให้เด็กกินอาหารประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ แล้วค่อยเติมให้เมื่อเด็กต้องการเพิ่ม วิธีนี้จะทำให้เด็กไม่รู้สึกพะอืดพะอมเมื่อต้องรับประทาน อีกทั้งเด็กเล็กอาจรับประทานอาหารได้ช้า พ่อแม่จึงไม่ควรรีบรับประทานอาหารและรับประทานอาหารนานเกินไป โดยจำกัดเวลาอาหารแต่ละมื้อไม่เกิน 30 นาที เพื่อช่วยเสริมสร้างวินัยในการรับประทานอาหารให้แก่ลูก


จัดอาหารให้ดึงดูดและสร้างสีสันในการรับประทานอาหารร่วมกัน พ่อแม่ควรช่วยกันสร้างบรรยากาศในการรับประทานอาหารร่วมกันเป็นครอบครัว โดยให้สมาชิกทุกคนนั่งร่วมโต๊ะด้วยกัน รวมทั้งใช้จาน ชาม หรือแก้วน้ำที่มีลวดลายหรือสีสันสวยงาม เพื่อให้เด็กรู้สึกเพลิดเพลินกับการรับประทานอาหาร ทั้งนี้ สมาชิกครอบครัวยังมีส่วนช่วยให้เด็กเลียนแบบพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ดี


ให้ลูกกินข้าวกับเพื่อน หากพ่อแม่ต้องการให้ลูกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ควรให้เด็กรับประทานร่วมกับเด็กเล็กคนอื่น ซึ่งจะช่วยให้เด็กรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ตามเพื่อน

เลี่ยงการกินขนมและงดอาหารที่มีน้ำตาล ควรจำกัดปริมาณของขนมและของว่างระหว่างวัน เนื่องจากเด็กอาจรับประทานขนมอิ่มเกินไป ทำให้ไม่ยอมกินข้าวเมื่อถึงเวลาอาหาร อีกทั้งยังไม่ควรให้เด็กบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล เนื่องจากอาหารเหล่านี้จะทำให้เด็กรู้สึกอิ่มแต่ไม่ได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย


อาหารเสริม อีกหนึ่งทางเลือก เมื่อลูกไม่ยอมกินข้าว



โดยทั่วๆไปแล้ว ทารกหรือเด็กเล็ก ไม่จำเป็นต้องรับประทานอาหารเสริม ในกรณีที่ได้รับสารอาหารหลากหลายและเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย อย่างไรก็ตาม หากลูกมีปัญหาไม่ยอมกินข้าว อาจส่งผลให้ลูกได้รับสารอาหารที่จำเป็นไม่เพียงพอ จึงต้องได้รับอาหารเสริมบางอย่างเพิ่มเติม เพื่อช่วยแก้ปัญหาลูกไม่ยอมกินข้าว สารอาหารที่ลูกควรได้รับเพิ่มมีดังนี้


ธาตุเหล็ก เด็กที่มีปัญหาการรับประทานอาหาร โดยไม่รับประทานเนื้อสัตว์ ปลา หรือผักและอาหารที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก จำเป็นต้องได้รับธาตุเหล็กเพิ่มเติม 


วิตามินดี นับเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อเด็ก เนื่องจากช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส อันมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างกระดูก โดยทั่วไปแล้ว วิตามินดีพบมากในแสงแดด อีกทั้งการดื่มนมเพียงอย่างเดียวทำให้รับวิตามินดีได้ไม่เพียงพอ




นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ K.D.Cal เค.ดี.แคล จาก max biocare ยังเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับพ่อแม่ ซึ่งมีวิตามิน D อันเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายเด็ก ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างกระดูกที่ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตและความแข็งแรงของกระดูก และยังมี วิตามิน K1 เป็นตัวช่วยสำคัญในการนำแคลเซียมไปใช้ในกระดูกได้อย่างแท้จริง เพิ่มความสูงอย่างเห็นได้ชัดเจน  






พ่อแม่อย่าคิดว่า อาการไม่ยอมกินข้าว เป็นเรื่องที่ปล่อยไว้แล้วจะหายเอง แต่ควรจะหาทางช่วยลูกของเราตั้งแต่แรกๆ แนวทางการป้องกันที่ดีที่สุด จึงเป็นการที่พ่อแม่จะต้องดูแลทั้งกายและใจของเด็ก ด้วยการให้ความรักความอบอุ่นแก่เด็กและเอาใจใส่ รวมถึงสังเกตความเปลี่ยนแปลงและความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับเด็ก เพื่อจะได้หาทางช่วยเหลือลูกได้


 

 

 

 

 

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก 

https://baby.kapook.com/view203970.html

https://www.rakluke.com/article/29/125/3589/ทำไงดี-เมื่อลูกไม่ยอมกินข้าว

https://www.honestdocs.co/why-baby-bored-with-food

https://www.pobpad.com/ลูกไม่ยอมกินข้าว-ปัญหาเ

https://medium.com/@bew_jura/อาหารเสริมสำหรับเด็กจำเป็นหรือไม่-เมื่อลูกไม่ยอมทานข้าว-ยาวหน่อยนะคะ-แต่อยากแบ่งปันค่ะ-6788b799fde2





 


ผสานงานวิจัยและธรรมชาติ สู่ความน่าเชื่อถือ ในการเป็นที่สุดของการดูแล สุขภาพ สําหรับคนรักสุขภาพ





67/41 ถนน รามอินทรา

ซอยรามอินทรา 64 แขวงคันนายาว

เขตคันนายาว 

กรุงเทพ 10230 



Max biocare Thailand@Max biocareInstagram